ฟิตร่างกายเพื่อเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่า 1 อย่างไร?

กีฬาท้าความเร็วอย่างกีฬาแข่งรถยนต์ หลายคนไม่เข้าใจว่าจัดเป็นกีฬาได้อย่างไร ในเมื่อมันก็แค่การขับรถเร็ว ๆ ไม่แปลกที่หลายคนคิดแบบนี้ เพราะการแข่งรถมันมีวิถีทางที่แตกต่างจากการขับรถบนท้องถนนธรรมดาค่อนข้างมาก หากคุณไม่ใช่นักแข่งรถแล้วล่ะก็ ยากที่จะจินตนาการถึงเลยทีเดียว ใครเคยทราบบ้างว่านักแข่งรถฟอร์มูล่า 1 ที่ขับเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินกว่า 200 กม./ชม.นั้นมีความรู้สึกอย่างไร มีใครทราบหรือไม่ว่าการขับด้วยความเร็วขนาดนั้นเข้าโค้งตัวนักแข่งรถเองจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกถีบออกไปจากโค้งด้วยแรงถีบราว 25 กิโลกรัม ยิ่งสวมหมวกกันน็อคเข้าไปด้วยก็ยิ่งหนัก เหมือนถูกถีบหัวด้วยแรงเพิ่มไปอีกกว่า 7 กิโลกรัมเลยนะ เหมือนเดินเอาดัมเบลหนักสัก 30 กิโลกรัมแขวนคอ ลองนึกภาพดูเองละกันว่าการจะรับแรงผลักขนาดนั้นได้ต้องแข็งแรงขนาดไหน ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่แข่งให้จบเกมเลย แค่โค้งเดียวก็ไม่รอดแล้ว นอกจากนั้นแล้วการแข่งขันที่ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงเนี่ย ความแข็งแรงทนทานของร่างกายหรือหัวใจก็ต้องดีมากเช่นกัน ต้องดีพอ ๆ กับนักวิ่งมาราธอนเลยนะ เพราะในขณะขับรถด้วยความเร็วสูงนั้นหัวใจอาจเต้นเร็วถึง 170 – 190 ครั้ง/นาทีเลย

นักแข่งรถฟอร์มูล่า 1 ต้องมีการฝึกร่างกายอย่างไรจึงจะเรียกว่าเหมาะสม?

เหมือนที่เกริ่นไปตอนต้นว่านักแข่งรถต้องรับแรงกดดันอย่างไรในการขับบ้าง ดังนั้นการฝึกซ้อมร่างกายให้พร้อมรับแรงกดดันเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง มาดูกันว่านักแข่งรถควรฝึกร่างกายอย่างไรกันบ้าง

                ลำตัวเป็นแกนกลางร่างกายที่สำคัญที่สุดในเรื่องของสมดุล จุดส่งแรงรับแรงทั้งหมดมีศูนย์รวมที่แกนกลางร่างกาย ส่วนนี้จึงเป็นส่วนหลักที่ควรจะเน้นกัน

                คอเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเนื่องจากคอเป็นส่วนที่มีกล้ามเนื้อขนาดเล็ก การรับแรงหนัก ๆ อาจทำให้ส่วนนี้ได้รับผลกระทบมาก การออกกำลังโดยเพิ่มท่าหรืออุปกรณ์สำหรับบริหารส่วนคอโดยเฉพาะจะช่วยให้ตัวนักแข่งรับแรงผลักที่เกิดจากการเข้าโค้งได้ดีขึ้น

                แขนและขาส่วนสำคัญที่ต้องคอยประคองพวงมาลัยรถแข่ง คันเร่ง ครัช และเบรกเพื่อให้รถคู่ใจเคลื่อนที่ได้ตามที่ต้องการ กำลังแขนและขานั้นไม่ได้ขึ้นกับขนาดแต่ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อนะ กล้ามเนื้อที่กระชับไม่ใหญ่เกินไปจนเทอะทะ การออกกำลังที่เน้นกล้ามเนื้อจะใช้การทำแบบเร็ว ๆ จำนวนครั้งน้อย ๆ แต่ทำบ่อย ๆ จะดีที่สุดสำหรับการพัฒนาความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ

นอกจากกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ แล้วยังต้องเน้นการออกกำลังกายแบบใดอีก?

การฝึกฝนนอกจากร่างกายแล้วที่สำคัญไม่แพ้กันคือหัวใจ เพราะเป็นส่วนที่บ่งบอกถึงความฟิตของร่างกาย  หัวใจที่แข็งแรงจะสูบฉีดเลือดได้ดี หัวใจของนักแข่งรถฟอร์มูล่า 1 นั้นแข็งแรงพอ ๆ กับนักวิ่งมาราธอนเลยทีเดียว รูปแบบการฝึกความทนทานของหัวใจจะใช้การออกกำลังกายที่เรียกว่าคาร์ดิโอ ที่เน้นการออกแรงหนัก ๆ เร็ว ๆ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หัวใจที่แข็งแรงวัดได้จากชีพจรที่เต้นไม่เกิน 60 ครั้ง/นาที                

เหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลยใช่ไหมล่ะสำหรับนักกีฬาแข่งรถฟอร์มูล่า 1 ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจไม่ต่างกับนักกีฬามืออาชีพจริง ๆ

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2015/02/20/18/38/racing-643472_960_720.jpg

จริงหรือไม่ ที่นักกีฬาแข่งรถยนต์ มีเคล็ดลับการขับรถที่เหนือกว่าการขับรถแบบทั่วไป?

หลายคนอาจสงสัยว่าจริง ๆ แล้วนักกีฬาแข่งรถนั้นมีทักษะอะไรทางด้านการขับขี่ที่เหนือกว่าคนที่ขับรถเป็นทั่ว ๆ ไปบ้าง หรือไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย เพียงแค่ขับให้เร็วขึ้นเท่านั้น ความจริงแล้วกีฬาแข่งรถยนต์นั้นมีเงื่อนไขในการขับขี่อยู่เพียง 2 ประการคือเข้าเส้นชัยให้เร็ว และขับอย่างปลอดภัย ประเด็นการเข้าเส้นชัยให้เร็วคิดว่าใครก็คงทราบเทคนิคว่าก็ขับให้เร็วเท่านั้น แต่ประเด็นการขับให้ปลอดภัยนี่สิ น่าสนใจ…เพราะการขับรถด้วยความเร็วสูง ๆ นั้นจะมีเคล็ดลับการขับอย่างไรให้ปลอดภัยล่ะ

7 เคล็ดลับ การขับขี่อย่างปลอดภัยที่ควรจะเรียนรู้จากนักแข่งรถ

เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกช่วงของการเดินทางและการขับขี่บนพื้นถนนที่ไม่ปกติได้อีกด้วย

  1. ใช้สายตาดังกล้องถ่ายภาพ เริ่มต้นจากการใช้สายตาและสมองก่อนเลย การใช้สายตาในการขับรถนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก การขับขี่ที่ดีควรมีการมองกวาดไปดูรอบ ๆ ตัวบ้าง ดูเส้นทางและสถานการณ์ด้านหน้าในระยะไกล ๆ บ้าง เพื่อให้สมองจดจำภาพเหมือนกับการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นภาพไป เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน สมองจะทำการประมวลผลจากภาพที่ใช้ตามองจับนั้นไว้เพื่อให้เกิดการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงแนวทางในการป้องกันตัวเองได้อย่างทันท่วงที
  2. เบรกด้วยเท้าซ้ายปลอดภัยกว่า อาจรู้สึกขัดความรู้สึกไปสักนิด แต่นักแข่งรถใช้เท้าซ้ายในการเบรกจริง ๆ เพราะการเท้าซ้ายอยู่ใกล้เบรกมากกว่า สามารถลดระยะเวลาในการเบรกได้มากกว่าการเบรกด้วยการใช้เท้าขวาเมื่อเทียบเป็นระยะทางก็สั้นกว่าประมาณ 25 – 45 เมตรเลยทีเดียว
  3. เคลื่อนไหวให้น้อย เน้นการควบคุมรถ มีนักขับหลายคนเข้าใจว่าการควบคุมรถไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ การเบรกหรือเร่งเครื่องอยู่เสมอแสดงถึงทักษะชั้นยอดของนักขับ แต่สำหรับนักขับชั้นยอดจริง ๆ แล้วสิ่งที่โฟกัสเพียงอย่างเดียวคือการควบคุมรถโดยละทิ้งการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์ไปให้มากที่สุดต่างหาก ความเร็วพยายามรักษาให้คงที่เพื่อไม่ต้องคอยเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ ให้สมาธิจดจ่ออยู่ที่การควบคุมการเคลื่อนที่เท่านั้น
  4. บังคับ 2 มือมั่นคงกว่ามือเดียว เป็นความเข้าใจผิดอีกอย่างเหมือนกันสำหรับนักขับทั่ว ๆ ไปว่าการบังคับรถให้เลี้ยวในขณะที่มือหนึ่งแตะพร้อมที่การเปลี่ยนเกียร์ส่วนอีกมือหนึ่งบังคับพวงมาลัยให้เลี้ยว แต่สำหรับนักแข่งรถแล้วจะให้ความสำคัญกับการบังคับรถมาก ๆ สองมือประคองพวงมาลัยเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการขับเข้าโค้งมากที่สุด สองมือที่ประคองนี้จะสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่แบบกะทันหันได้อย่างดีที่สุด
  5. ควบคุมได้แม้ไถลลื่น ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างรถที่กำลังขับเกิดการไถลลื่น สิ่งที่ควรทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดคืออะไร การไถลลื่นไม่ใช่การ drift นะไม่เหมือนกัน การ drift เป็นความจงใจของนักแข่งที่ต้องการควบคุมให้รถเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการในขณะที่ยังคงรักษาความเร็วไว้อยู่ แต่การไถลลื่นนั้นมาจากสาเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ วิธีการควบคุมรถคือการควบคุมสติมุ่งเป้าสายตาไปยังตำแหน่งที่ต้องการให้รถไถลไปหยุด จากนั้นพยายามควบคุมพวงมาลัยให้รถเคลื่อนที่ไปยังจุดที่ต้องการนั้น ในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ แตะเบรกช้า ๆ เป็นระยะเพื่อควบคุมสมดุลของรถ
  6. ขับขี่ปลอดภัยแม้ขับบนพื้นเปียก ไม่มีข้อสงสัยอะไรเลยสำหรับพื้นผิวถนนที่เปียกนั้นย่อมอันตรายกว่าปกติแน่นอน สิ่งที่ควรทำก็คือการควบคุมให้รถวิ่งไปตามช่องทางให้ได้ โดยพยายามรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าและคันหลัง ในขณะที่สายตาก็มองหาบริเวณที่อาจลื่นเพื่อจะได้ระวังและเตรียมตัวให้พร้อม
  7. เอาตัวรอดให้เป็นเมื่อยางระเบิด เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โอกาสเกิดน้อยแต่หากเกิดขึ้นก็ควรรู้วิธีเอาตัวรอดให้เป็น ในสถานการณ์เช่นนี้นักขับมืออาชีพจะพยายามควบคุมรถที่สูญเสียการควบคุมให้เคลื่อนที่เป็นทางตรง ไม่เบี่ยงออกนอกเส้นทาง ไม่พยายามเบรกกะทันหัน แต่จะรอให้ความเร็วช้าลงจนพอที่จะจอดได้จึงจะจอด การควบคุมรถด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เกิดความปลอดภัยทั้งตัวเองและผู้ร่วมทางด้วย

บทสรุปสำคัญจากเคล็ดลับการขับขี่จากนักกีฬาแข่งรถมืออาชีพ               

นักขับรถมืออาชีพจะไม่ได้มุ่งเน้นที่การขับขี่ให้รวดเร็วที่สุด หรือขับขี่ให้ดูเท่ห์น่าสนใจมากที่สุด แต่หัวใจสำคัญคือขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมถนนทุกคน นี่เป็นสิ่งที่นักขับทุกควรพึงระลึกไว้เสมอ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้กันดู จะเป็นประโยชน์ทั้งการพัฒนาการขับขี่ของตัวคุณเองและยังดีกับเรื่องความปลอดภัยของคุณอีกด้วยนะ

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2016/03/26/22/32/fast-1281628_960_720.jpg

หากคิดว่านักขับหญิงไม่ฟิตเท่านักขับชายแล้วล่ะก็ คงต้องคิดใหม่แล้วล่ะ

ในโลกของกีฬาแข่งรถยนต์ มีการถกเถียงกันว่านักกีฬาแข่งรถหญิงฟิตสู้นักกีฬาแข่งรถชายหรือไม่ ประเด็นนี้ไม่ได้เพิ่งเป็นกระแสร้อนแรงแต่มีการพูดคุยกันมานานแล้ว รวมถึงมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้กันอยู่ไม่น้อยเช่นกัน  ผลการศึกษาล่าสุด พบว่าแม้ผู้หญิงที่เป็นนักกีฬาแข่งรถจะมีประสบการณ์น้อยกว่านักกีฬาชายกว่า 10 ปีก็ตาม แต่เมื่ออยู่หลังพวงมาลัยรถแล้วล่ะก็ มีปฏิกิริยาและการตอบสนองในการขับไม่ด้อยไปกว่านักกีฬาชายเลยทีเดียว

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่านักกีฬาแข่งรถหญิงสามารถทำได้ดีทีเดียว

เมื่อปีที่ผ่านมา Carmen Jorda สมาชิกคณะกรรมาธิการหญิงใน FIA เรียกร้องให้มีการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีบทบาทในอาชีพนักแข่งให้มากขึ้น กีฬาท้าความเร็วเช่นนี้ผู้หญิงเองก็มีสิทธิ์ที่จะลงแข่งได้ ในขณะที่นักแข่งรถมืออาชีพจำนวนไม่น้อยรวมถึง Danica Patrick ก็ได้ออกมาโต้แย้งข้อเรียกร้องของเธอ

การศึกษาล่าสุดของ Michigan State University ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Medicine and Science in Sports and Exercise ยืนยันว่านักแข่งรถหญิงที่แม้จะมีประสบการณ์ในการขับน้อยกว่าผู้ชายกว่า 10 ปี มีปฏิกิริยาและการตอบสนองเร็วไม่ต่างกับผู้ชายที่มีชั่วโมงบินในสนามแข่งเลย การวิจัยยังครอบคลุมการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการมีรอบเดือนของผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นอุปสรรคต่อการขับขี่อีกด้วย โดยเชื่อว่าความเครียดจากการมีรอบเดือนนี่แหละที่เป็นแรงกดดันหลักที่สำคัญที่สุดต่อการแข่งรถ ผศ. David Ferguson ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้านสรีรวิทยาของนักแข่งรถมากว่า 15 ปี กล่าวว่าอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงมักสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงมีรอบเดือน มีการเข้าใจผิดว่าช่วงนั้นของเดือนผู้หญิงจะรู้สึกอ่อนเพลียได้เร็วขึ้นและมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้ เขายังบอกอีกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งสิ้น

การทำความเข้าในเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายในขณะที่เกิดเหตุฉุกเฉินเป็นเรื่องจำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษาเกี่ยวกับความผันผวนของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ก็สำคัญเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ Ferguson จึงได้ทำการประเมินนักขับหญิงทั้ง 2 ระยะของการมีประจำเดือน ระยะแรกคือระยะฟอลิคิวลาร์ (Follicular phase) เป็นระยะที่ประจำเดือนเริ่มมาจนถึงวันก่อนไข่ตก และระยะที่สองคือระยะลูเตียล (Lutral phase) เป็นช่วงครึ่งหลังของการตกไข่

จากการทดสอบ 3 สนามแข่งขันที่มีสภาพคล้ายกัน Ferfuson เฝ้าสังเกตนักขับชาย 6 คน และนักขับหญิงซึ่งมีประสบการณ์น้อยกว่าอีก 6 คน โดยวิเคราะห์จากอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจ อุณหภูมิร่างกายและผิวกาย ความเครียดและความอ่อนเพลียจากความร้อน ภายใต้สภาพรถทั้งแบบเปิดและไม่เปิดประทุน

ระยะลูเตียลเป็นระยะที่นักขับรถแข่งหญิงมีอัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกายสูง และยังมีการเพิ่มขึ้นของปัจจัยทางสรีระอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของความอ่อนล้า พบว่าแม้นักขับหญิงจะอยู่ในระยะนี้ ปัจจัยทางสรีระของนักกีฬาแข่งรถหญิงแทบไม่แตกต่างกับนักกีฬาแข่งรถชายเลย Ferguson ยังกล่าวอีกว่าสำหรับภายใต้สภาพรถไม่ว่าจะเปิดหรือไม่เปิดประทุนกลับเป็นปัจจัยให้เกิดความเครียดมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนของนักขับหญิงเสียด้วยซ้ำ

หรือนักแข่งรถหญิงจะเหนือกว่านักขับชายจริง ๆ ?               

จากการศึกษายังพบอีกว่า นักแข่งรถหญิงมีการเรียนรู้และสามารถพัฒนาทักษะในการขับรถได้เร็วกว่านักแข่งชายเสียด้วยซ้ำ จึงสรุปได้ว่า การขับรถนั้นก่อให้เกิดความเครียดได้พอ ๆ กันทั้งชายและหญิง แต่นักขับหญิงนั้นมีความอดทนในการขับขี่สูงกว่านักขับชาย เมื่อเทียบกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงในช่วงมีประจำเดือนแต่ยังสามารถควบคุมการขับขี่จนจบได้ นี่อาจเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้พวกเธอเหนือกว่านักขับชายก็ได้

Credit : https://www.carrushome.com/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2-11/

รถยนต์คลาสสิค น่าสนใจที่จะเลือกหาซื้อมาขับหรือไม่

รถยนต์คลาสสิคเป็นรถยนต์ในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่ชื่นชอบรูปแบบและวัสดุของรถดั้งเดิม ที่ผ่านการออกแบบมาได้อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนกับรถยนต์สมัยใหม่ รถคลาสสิคมีเสน่ห์ให้นักสะสมรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ แต่การเลือกซื้อรถเพื่อเป็นเจ้าของรถคลาสสิคดี ๆ สักคันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งการจะเลือกซื้อสักคันบางคนใช้เวลาสะสมเงินมาเกือบทั้งชีวิตเลยกว่าจะได้มา แต่หากเลือกไม่เป็นแทนที่จะได้รถดี ๆ ที่ต้องการมาขับให้โก้ ก็จะกลายเป็นซื้อรถเพื่อมาซ่อมไม่รู้จักจบสิ้น ดังนั้นใครที่สนใจจะเลือกซื้อรถคลาสสิคคงต้องศึกษาวิธีการเลือกและตรวจเช็ครถก่อนซื้อกันให้ดีเสียก่อน

เคล็ดลับในการเลือกซื้อและบำรุงรักษารถคลาสสิค สำหรับมือใหม่

  1. วิเคราะห์การเติมน้ำมัน สำหรับเคล็ดลับการเลือกรถคลาสสิคนั้น มือใหม่จริง ๆ ก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มพิจารณาจากสิ่งใดดี จึงจะทราบได้ว่ารถที่กำลังดูอยู่นั้นสภาพดีหรือไม่ มีวิธีการหนึ่งที่ง่าย สะดวกมาก โดยพิจารณาว่าหากรถที่มีการใช้งานเป็นปกติแน่นอนว่าต้องมีการเติมน้ำมันอยู่เสมอ การสังเกตบริเวณถังน้ำมันว่ามีสภาพใหม่เป็นปกติดีหรือไม่ก็สะดวกดี หากรถไม่มีการใช้งานบริเวณถังน้ำมันมักจะมีคราบน้ำที่เกิดจากความชื้นในอากาศให้สังเกตได้
  2. แบตเตอรี่ ปลั๊กและเบลท์ แบตเตอรี่ที่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีจะต้องถอดสายไว้ จากนั้นค่อยเสียบสายชาร์จคืนในช่วงฤดูหนาวแทน สำหรับปลั๊กควรทำความสะอาดอยู่เสมอ ถ้าเริ่มเสื่อมสภาพควรทำการเปลี่ยนให้เรียบร้อย เช่นเดียวกันกับสายหัวเทียนและหัวจ่ายไฟ สนุกไปกับการเลือกและดูแลรักษารถ สายเบลท์หากชำรุดต้องรีบเปลี่ยนทันที เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย
  3. การเช็คระบบของเหลวทุกอย่าง เช็คระบบของเหลวทุกส่วน กระจกหน้ารถก็ต้องเช็คน้ำยาฉีดล้างกระจกโดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนกระจกจะแห้ง อาจมีทั้งเศษฝุ่นเศษแมลงเกาะติดมากเป็นพิเศษ น้ำมันเบรกก็ต้องเติมให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้เสมอ น้ำยาหล่อเย็นต้องเติมไว้เสมอเพราะช่วยถนอมเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่องให้ทำการตรวจเช็คระดับ หรือเปลี่ยนตามรอบที่เหมาะสม
  4. ลองสตาร์ท รถที่มีการใช้งานและดูแลอย่างสม่ำเสมอต้องสตาร์ทติดง่าย วิธีการเช็คก็เพียงแค่ลองสตาร์ทดู หากสตาร์ทติดง่ายก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารถคนนี้ได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี แต่ต้องไม่ลืมฟังเสียงเครื่องยนต์ด้วยว่าต้องไม่ผิดปกติ เรื่องนี้ไม่ยากคือ รถที่ใช้งานได้ดีเครื่องยนต์จะเดินเรียบไม่กระตุก ไม่สะดุด ไอเสียที่ออกมาจากท่อไอเสียต้องไม่ขาวหรือดำเกินไป อย่าลืมของเหยียบเบรกและดึงเบรกมือเพื่อดูการทำงานของระบบเบรก รถที่จอดไว้นานระบบเบรกอาจมีการติดขัดได้

มีสิ่งใดที่ควรตรวจสอบให้แน่ใจ ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ

หากเป็นไปได้ควรนำรถไปขับทดสอบเพื่อดูสมดุลของรถในขณะขับขี่ หากปล่อยพวงมาลัยแล้วรถควรจะยังคงวิ่งต่อไปในแนวตรง หากไม่เป็นเช่นนั้นให้ลองตรวจสอบลมยางก่อน แล้วจึงเช็คศูนย์รถ หากทั้งลมยางและศูนย์รถเป็นปกติดีแต่รถไม่สามารถวิ่งไปในแนวตรงได้เมื่อปล่อยพวงมาลัย ก็สันนิษฐานได้ว่ารถผ่านการเกิดอุบัติเหตุมา                

เมื่อทำการทดสอบทุกขั้นตอนอย่างมั่นใจแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่คุณจะตัดสินใจแล้วล่ะ

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2018/01/29/16/36/auto-3116534_960_720.jpg

นักกีฬาแข่งรถยนต์ของไทยในสนามฟอร์มูล่า วัน(F1) ความฝันที่สามารถสัมผัสได้จริง

ความฝันในวัยเด็กของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันไป ในตัวของนักกีฬาก็เช่นกัน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถทำความฝันให้เป็นความจริงได้ในอนาคต เพราะมันคงไม่ได้มาเพราะโชคช่วยเท่านั้น แต่ต้องมีความพยายามและมุมานะอย่างแท้จริงด้วย ความมีวินัยในรูปแบบของนักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งจะสามารถทำให้ก้าวสู่สนามกีฬาในระดับโลกได้ แต่ในประเทศไทยก็มีนักกีฬาหลากหลายวงการที่พิสูจน์มาแล้วว่าเป็นไปได้  นักกีฬาแข่งรถยนต์ของไทยในสนามฟอร์มูล่า วัน(F1) ก็ได้เป็นความฝันที่เป็นจริงเช่นกันจากเด็กชายที่วิ่งเล่นในสถานที่เตรียมรถสำหรับการแข่งขันได้กลายเป็นนักแข่งรถคนสำคัญในวันนี้อย่างคุณอเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์

อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ ดาวรุ่งดวงใหม่ใน F1 นักแข่งรถสายเลือดไทยในรอบหลายทศวรรษ

อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์นับว่าเป็นนักกีฬาแข่งรถยนต์ของไทยอีกท่านหนึ่งที่หลายสิบปีมานี้ยังไม่มีนักกีฬาของไทยได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศของสนามแข่งขันรถยนต์ระดับโลกอย่างสนามฟอร์มูล่า วัน หรือที่รู้จักกันในชื่อสนาม F1 (Formula One) หรือ สนามแข่งขันรถสูตร 1 จากการสร้างชื่อเสียงในอดีตของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช (พระองค์เจ้าพีระ) ซึ่งพระองค์ได้ลงแข่งขันตั้งแต่สมัยแรกเริ่มของฟอร์มูล่า วัน แล้วตัวของ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ สามารถเข้ามาในสนามฟอร์มูล่า วันได้อย่างไร

  • เริ่มจากความชอบส่วนตัวจนกลายเป็นความรักในเรื่องการแข่งรถยนต์ โดยเริ่มตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ จากนั้นก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากสนามแข่งต่าง ๆ เรื่อยมา แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ไม่เคยคิดที่จะหยุดพัฒนาฝีมือและแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองเลยสักครั้ง จนเมื่อมีความชำนาญมากในระดับหนึ่งช่วงวัยเพียง 20 กว่าเท่านั้นจึงได้รับโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในสนามฟอร์มูล่า วัน (F1)
  • การได้รับโอกาสที่ดีจากอีกสิ่งหนึ่งคือสิ่งแวดล้อมที่ได้เติบโตมาจากการที่คุณพ่อของ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ ทำงานอยู่ในพิท ซึ่งเป็นสถานที่เตรียมรถสำหรับการแข่งขัน จึงเกิดการหล่อหลอมเป็นความรักการแข่งรถยนต์ในที่สุด
  • มีผู้สนับสนุนหลักในด้านต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกบนเส้นทางการเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้ในการเข้าร่วมการแข่งขันต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ชุดและอุปกรณ์ในด้านความปลอดภัย ครบครัน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านสนามฝึกซ้อมที่ได้มาตรฐานด้วย
  • การสร้างแรงผลักดันให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับตัวนักกีฬาทุกคน อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์สามารถนำเอาความกดดันที่มีกลับมาสร้างกำลังใจและความฮึกเหิมก่อนลงสนามแข่งจริงได้ดี จึงสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับแถวหน้าของโลก

การก้าวสู่สนามระดับโลกฟอร์มูล่า วัน ตามอเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์…จะเป็นไปได้ไหม               

สำหรับนักกีฬารุ่นใหม่ที่ยังวิ่งตามความฝันอยู่ก็สามารถก้าวสู่สนามแข่งขันรถยนต์ระดับโลกได้เช่นกัน แต่ต้องมีความพยายามและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่ต้องพบเจอ เพราะกีฬาย่อมมีแพ้-ชนะเป็นเรื่องธรรมดาสิ่งที่ควรทำก็คือ ขยันฝึกซ้อมและแก้ไขสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของตัวเองแล้วก้าวข้ามความกลัวในเรื่องต่าง ๆ ไปให้ได้ เมื่อมีโอกาสเข้ามาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ เพื่อเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ระดับโลกต่อไปในอนาคต ความฝันก็จะกลายเป็นความจริงได้ในที่สุด

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2016/08/19/18/44/f1-1605909_960_720.jpg

รถยนต์คลาสสิค ความงามและความเร็วอันทรงคุณค่าในทุกกาลเวลา

การประชันด้านความเร็วของรถยนต์นั้นมีมานานหลายศตวรรษ นอกจากความท้าทายแล้วยังถือเป็นการทดสอบความทนทานและทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์อีกด้วย เพราะรถยนต์ชั้นเลิศอย่างรถยนต์คลาสสิคบางรุ่นนั้นยังคงมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยมไม่แพ้รถยนต์ในยุคใหม่ นอกจากนี้นักแข่งรถเองก็ยังสามารถใช้เป็นบททดสอบให้กับตัวเอง ในการเป็นนักแข่งรถได้อีกด้วย เพราะการประชันความเร็วเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถและมีความน่าตื่นเต้น พิสูจน์ความมีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวพร้อมกับความมุ่งมั่น โดยมีเส้นชัยเป็นจุดหมายปลายทาง

รถยนค์คลาสสิคสุดเก๋-เก๋า แต่ไม่เก่าเลยสำหรับคนรักรถยนต์

เมื่อความนิยมในการแข่งรถยนต์ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย รถคลาสสิครุ่นเก๋าในสนามแข่งขันจนได้เป็นตำนาน สำหรับสนามแข่งรถก็ย่อมถูกบันทึกความทรงจำเอาไว้อย่างแน่นอน ในปัจจุบันได้กลายเป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสมรถคลาสสิค ซึ่งยอมจ่ายแบบเทกระเป๋ากันเลยทีเดียว มารู้จักลักษณะตำนานรถแข่งสุดยอดรถยนต์คลาสสิคที่ใคร ๆ ก็อยากจดจำ

  1. รถอิตาเลียน เฟอร์รารี(Ferrari) โดยเฉพาะในช่วงยุค 1975 ได้สร้างนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนเกิดทีมนักแข่งของเฟอร์รารีขึ้น แล้วยังได้นำไปสร้างภาพยนตร์อีกด้วย ได้กลายเป็นเป้าหมายของความฝันให้กับบรรดานักแข่งรถรุ่นหลัง นอกจากการยลโฉมอันสวยงามของรถแล้ว ยังพัฒนาและสร้างรถรุ่นใหม่ออกมา แต่รถยนต์ในตำนานสุดคลาสสิคก็ยังเป็นที่หมายปองของบรรดานักสะสมซึ่งยอมจ่ายในราคาที่สูงมากอยู่ดี
  2. รถยนต์นวัตกรรมเยี่ยมจาก BMW ซึ่งได้รับความนิยมจากบรรดานักแข่งที่มีทั้งนักแข่งรุ่นเก๋าและนักแข่งมือใหม่ เนื่องจากเอื้อมถึงได้ง่ายกว่า แต่ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่า BMW นั้นเดิมทีเป็นรถยนต์แบบใช้วิ่งบนท้องถนนปกติธรรมดา โดยในช่วงปี 1973 – 1974 นักแข่งรถได้มีการโมดิฟายและติดตั้งเทอร์โบเพื่อใช้สำหรับลงแข่งขันในสนามแข่งรถ จนกลายเป็นตำนานจากการได้รับชัยชนะ
  3. สุดยอดรถแข่งแนวคลาสสิคอย่างรถปอร์เช่ (Porsche) ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงในสนามแข่งขันรถยนต์ในช่วงปี 1955 เป็นแนวรถสปอร์ตสุดเก๋ และสามารถคว้าชัยชนะจากการแข่งขันหลายสนาม ในปัจจุบันได้กลายเป็นที่หมายปองของนักสะสมรถจากทั่วโลก ยอมทุ่มทุนในการประมูลเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของตำนานรถแข่งในราคาหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ความเก๋าที่ไม่เคยเก่าเลยจริง ๆ

รถยนต์คลาสสิค ตำนานจากสนามแข่งขัน แรงบันดาลใจสำคัญของนักกีฬาแข่งรถ               

รถยนต์คลาสสิคในสนามแข่งขันที่เป็นระดับตำนานนั้น ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของนักกีฬาแข่งรถในต่อ ๆ มาก เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงสามารถสร้างความมุ่งมั่นได้เกินร้อย ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมอย่างหนัก รักษาระเบียบวินัยที่นักกีฬาแข่งรถต้องมีอย่างเคร่งครัด จนเกิดนักแข่งที่มีฝีมืออีกต่อมาในหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยมีต้นแบบจากตำนานนักแข่งรถในอดีตเป็นฮีโร่และน่าจะพัฒนาแบบนี้เรื่อยไปในอนาคต การสร้างสรรค์รถยนต์สำหรับการแข่งขันก็เช่นเดียวกัน

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2018/09/11/07/38/car-3668796_960_720.jpg

โภชนาการที่ดีของนักกีฬาแข่งรถ…เพิ่มสมรรถนะให้กับร่างกายและจิตใจ

การเตรียมตัวสำหรับนักกีฬาแข่งรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากการฝึกซ้อมอย่างมีวินัยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปก็คือ เรื่องโภชนาการที่ดี การเลือกรับประทานอาหารได้ครบตามที่ร่างกายต้องการจะสามารถช่วยให้นักกีฬาแข่งรถมีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการแข่งขัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสนามแข่งรถที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพถนนและสภาพอากาศก็ตาม แต่จะสามารถปรับตัวได้ดี อีกทั้งร่างกายยังมีพลังงานสะสม สำรองเอาไว้ใช้จนจบการแข่งขันอย่างแน่นอน ดังนั้นควรวางแผนในเรื่องโภชนาการ การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกหลักทั้งก่อนลงแข่งขัน และหลังจากการแข่งขันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อม เนื่องจากระหว่างการแข่งขันนั้นร่างกายจะใช้พลังงานมากกว่าปกติหลายเท่า ร่างกายที่มีความแข็งแรงมีส่วนเสริมสร้างให้จิตใจมั่นคงมีสมาธิที่แน่วแน่ ตลอดการแข่งขัน และสามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

อาหารประเภทใด…ที่นักกีฬาแข่งรถควรเลือกรับประทาน

เนื่องจากนักแข่งรถจะสูญเสียพลังงานในระหว่างการแข่งขันได้มากดังนั้นจึงต้องเลือกอาหารที่มีประโยชน์และให้พลังงานต่อร่างกายอย่างพอเพียงด้วย

  1. อาหารประเภทโปรตีน เพราะโปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของกล้ามเนื้อ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและยังเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง แหล่งโปรตีนที่หาได้ง่ายและสะดวกอย่างเช่น นมวัว อาจจะเน้นที่มีเคซีนและเวย์โปรตีนสูงกว่าการรับประทานของคนปกติที่ไม่ใช่นักกีฬา เพราะนักกีฬามีการใช้ร่างกายและกล้ามเนื้อมากกว่า หรืออาจเลือกทานจำพวก เนื้อสัตว์ ไข่ ให้เพียงพอด้วยจะดีมาก
  2. วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เพราะการสูญเสียพลังงานจากการใช้กล้ามเนื้อระหว่างการแข่งขันอย่างหนัก จำเป็นต้องฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมให้ได้อย่างรวดเร็ว จึงขาดสารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาตุไปไม่ได้เลย ที่สำคัญวิตามินและแร่ธาตุมีส่วนในการเผาผลาญโปรตีนอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. แคลเซียม เพราะนอกจากกล้ามเนื้อแล้ว สมรรถภาพของกระดูกสำหรับนักกีฬาแข่งรถก็ต้องมีความแข็งแรงเช่นกัน ที่สำคัญแคลเซียมยังช่วยในเรื่องการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบประสาทและกล้ามเนื้ออีกด้วย
  4. คาร์โบไฮเดรต แหล่งพลังงานที่เปรียบเสมือนได้มีพลังงานสำรองที่พร้อมใช้อยู่เสมอ ไม่เหนื่อยง่าย แต่ต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป
  5. ใยอาหาร ซึ่งได้มาจากการเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ที่มีเส้นใยอยู่เป็นประจำเพื่อกระตุ้นการย่อย และการดูดซึมอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาไขมันอุดตันและช่วยให้มีการขับของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นักกีฬาแข่งรถจึงหมดปัญหาในเรื่องการย่อยอาหารและการขับถ่าย สบายใจตลอดการแข่งขัน แม้ในช่วงเวลาที่มีความเครียดหรือความกดดันก็ตาม
  6. น้ำ อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้ เพราะร่างกายต้องการรักษาความสมดุล เนื่องจากนักกีฬาต้องสูญเสียเหงื่อเป็นจำนวนมาก เพื่อระบายความร้อน จึงควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน

การมีโภชนาการที่ดี…เป้าหมายและเส้นชัยก็อยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น               

นักกีฬาแข่งรถที่ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจตัวเองอย่างจริงจัง มีวินัยอยู่เสมออย่างต่อเนื่องนั้น ย่อมมีความพร้อมได้มากกว่า ดังนั้นการก้าวไปสู่เป้าหมายและเส้นชัย เรื่องสุขภาพจึงไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ทำให้การบรรลุความมุ่งหวังจึงอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น ในส่วนที่เหลือก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง เพื่อโอกาสในการลงสนามแข่งขันรถยนต์ในระดับต่าง ๆ ต่อไป หรืออาจได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันรายกายใหญ่ ๆ อย่างสนามฟอร์มูล่า วัน(F1) ก็เป็นได้

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2016/02/17/08/29/beef-1204669_960_720.jpg

สนามแข่งรถฟอร์มูล่า วัน ซีซั่นของคนรักความเร็ว

ความใฝ่ฝันของนักแข่งรถก็ย่อมต้องเป็นสนามแข่งขันระดับโลกและรถแข่งต้องเป็นคุณภาพที่อยู่ในระดับมาตรฐานโลกเช่นกัน อย่างเช่นการแข่งรถฟอร์มูล่า วัน (Formula One World Champion Ship หรือ F1) เพราะถือว่าเป็นสนามแข่งขันที่มีมาตรฐานสูงสุดแห่งหนึ่ง นักแข่งในตำนานและมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการต้องเข้าร่วมการแข่งขันซีซั่นนี้อย่างแน่นอน เพื่อเป็นการพิสูจน์ฝีมือได้ดีที่สุดสักครั้งหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม ทุกซีซั่นของการแข่งขันจึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนรักความเร็วจากทั่วโลก ทั้งที่เป็นนักแข่งรถเองและบรรดาผู้ชมจากหลากหลายประเทศ

เหตุผลของเป้าหมาย…ทำไมต้องเลือกสนามแข่งขันรถยนต์ ฟอร์มูล่า วัน

  • กีฬาทุกประเภทต้องอาศัยการฝึกฝนจากความมุ่งมั่นของตัวนักกีฬาและมีเป้าหมายสูงสุดคือ สนามแข่งขันระดับโลก เพื่อพิสูจน์และพัฒนาฝีมือของนักกีฬา แทบทุกคน สนามแข่งรถยนต์รายการฟอร์มูล่า วัน หรือ F1 ก็เช่นกัน เพื่อที่จะคว้าชัยชนะหรือเพียงแค่ได้เข้าร่วมการแข่งขันก็สามารถทำให้นักกีฬารู้สึกภาคภูมิใจได้และยังสามารถสร้างแรงจูงใจในการฝึกซ้อมได้มากขึ้นอีกด้วย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
  • การตั้งเป้าหมายให้สูงสุดจะเกิดแรงผลักดันภายในจิตใจได้อย่างเหลือเชื่อ ตัวของนักกีฬาแข่งรถจะสามารถผลักดันตัวเองไปสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จได้จริง โดยอาศัยการคว้าชัยชนะจากเป้าหมายเล็ก ๆ ก่อนเพื่อเป็นขั้นบันไดก้าวขึ้นสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นต่อไป อย่างการเข้าร่วมสนามใหญ่ฟอร์มูล่า วัน
  • นักกีฬาสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความผิดหวังจากความพ่ายแพ้ หรือแรงกดดันจากสนามแข่งในรูปแบบต่าง ๆ โดยการฝึกสมาธิและมีสติ เพราะสิ่งเหล่านี้ได้มาด้วยการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญจนสามารถควบคุมตัวเองได้แม้ในยามคับขัน เมื่อชนะใจตัวเองได้แล้วการแข่งขันในสนามแข่งขันเพื่อเอาชนะผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่น ๆ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
  • อาชีพนักกีฬาก็คืออาชีพที่สุจริตอาชีพหนึ่งที่มีผลตอบแทน เพื่อให้คุ้มค่ากับความทุ่มเทแรงกายแรงใจและความเสี่ยง ผลตอบแทนที่ได้จึงค่อนข้างสูง โดยมาจากผู้สนับสนุนหลัก หรือ การให้สปอนเซอร์ค่าโฆษณา ซึ่งมาจากการถ่ายทอดผ่านสื่อต่าง ๆ คล้ายกับกีฬาฟุตบอลอาชีพในสโมสรดัง ๆ และมีเงินรางวัลจากการแข่งขันที่คุ้มค่ากับความพยายามของตัวนักกีฬาให้ได้หายเหนื่อย อีกทั้งยังมีกำลังใจในการฝึกซ้อมต่อไปเรื่อย ๆ
  • ชื่อเสียงและเกียรติยศที่จะสามารถเอาเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ ๆ ต่อไปอีกในอนาคต สามารถสร้างความภาคภูมิใจให้ทั้งตนเองและคนรอบข้าง

สนามฟอร์มูล่า วัน(F1) บทพิสูจน์ที่แท้จริงของสมรรถนะทั้งรถและนักกีฬาแข่งรถ               

สนามแข่งรถยนต์อย่างสนามฟอร์มูล่า วัน(F1) สามารถเรียกว่าเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงของสมรรถนะรถแข่งและตัวนักกีฬาแข่งรถ เพราะถือว่าได้ก้าวผ่านบททดสอบที่ยากที่สุดได้แล้ว ในส่วนของรถแข่งต้องผ่านการทดสอบที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ตัวถังและยางรถยนต์ เพื่อลงสนามได้ตลอดการแข่งขันที่ต้องใช้ทั้งความเร็วและต้องผ่านแรงเสียดทานต่าง ๆ บนถนนได้ ซึ่งจะแตกต่างจากถนนทั่วไป ตัวนักกีฬาเองก็ต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจก็ย่อมสามารถผ่านบทพิสูจน์ที่สูงสุดในการแข่งรถได้อย่างภาคภูมิใจแน่นอน

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2012/11/28/09/09/car-racing-67525_960_720.jpg

กีฬาแข่งรถยนต์…นักกีฬาเลือกความคุ้มครองในรูปแบบประกันชีวิตได้หรือไม่

กีฬาแข่งรถยนต์จะต้องมีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นสนามแข่งขัน สมรรถภาพรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน ชุดนักกีฬาและสุขภาพร่างกายของนักกีฬา เพื่อให้ลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยตามกฎหมายแล้วจะมีการกำหนดรูปแบบให้ปฏิบัติตาม แต่เพื่อความมั่นใจของตัวนักกีฬาเอง การเลือกความคุ้มครองก็ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดความอุ่นใจขึ้นอีก นักกีฬาแข่งรถที่ต้องใช้ความเร็ววัดความสามารถกันในสนามแข่งขันรถยนต์ จะมีบริษัทประกันภัยให้ความคุ้มครองหรือไม่ ถ้าหากว่ามี แล้วจะเลือกความคุ้มครองในรูปแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด มีความคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากโดยปกติแล้วอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงบริษัทประกันไม่มีความคุ้มครองครอบคลุมให้ ถ้ามี…เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็อาจจะแพงมากหรือไม่

นักกีฬาแข่งรถยนต์….เลือกความคุ้มครองในรูปแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด

ถึงแม้ว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตส่วนใหญ่ มักจะไม่มีความคุ้มครองครอบคลุมถึงการขับขี่รถยนต์เพื่อการแข่งขัน แต่ก็ยังมีบางแห่งที่มีกรมธรรม์คุ้มครองและเหมาะสมอย่างมากกับนักกีฬาแข่งรถ โดยจะต้องเป็นการแข่งขันในสนามที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่การแข่งขันบนท้องถนนปกติ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ นักกีฬาควรเลือกรูปแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด

  • เลือกประกันที่สามารถคุ้มครองในด้านการรักษาพยาบาล เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการแข่งขันอาจจะได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย ถ้ามีครอบคลุมได้ในเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็ทำให้อุ่นใจทุกสนามที่ลงแข่งขันอย่างแน่นอน ถ้าหากเลือกกรมธรรม์ที่ไม่ต้องมีการสำรองจ่ายได้ก็ยิ่งคุ้มค่า
  • กรมธรรม์ประกันที่นักกีฬาแข่งรถยนต์เลือก ต้องสามารถชดเชยรายได้ให้แบบสูงสุด เนื่องจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สูญเสียรายได้ไประยะเวลาหนึ่ง การชดเชยจากกรมธรรม์ประกันชีวิตที่เลือกก็คือการเยียวยาที่ดีที่สุด
  • มีสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลในเครือกรมธรรม์ครอบคลุมหลายพื้นที่ ทั่วประเทศ เพื่อความสะดวกสบายในการเข้ารับการรักษา เมื่อต้องประสบเหตุระหว่างการแข่งขัน เนื่องจากนักกีฬามักจะต้องเดินทางเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจ่ายเบี้ยเริ่มต้นได้แบบสบายกระเป๋า ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักกีฬาแข่งรถยนต์ หรือนักกีฬาผาดโผนที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ ด้วย สามารถเลือกวิธีจ่ายเบี้ยกรมธรรม์ได้ตามสะดวก
  • โปรโมชั่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ การลดเบี้ยประกันในรอบปีถัดไป สำหรับนักกีฬาที่ขับขี่ปลอดภัยดีตามกฎกติกา หรือไม่มีเหตุให้เคลมประกัน, การจ่ายเบี้ยแบบผ่อนชำระเป็นงวด ๆ และอื่น ๆ

การแข่งขันรถยนต์แบบมีความคุ้มครอง ย่อมให้ความมั่นใจได้ดีกว่าแน่นอน               

การแข่งขันรถยนต์แบบมีความคุ้มครอง ย่อมให้ความมั่นใจได้ดีกว่า ไม่ใช่เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น แต่ยังให้ความมั่นใจและความมั่นคงไปยังคนรอบข้างอีกด้วย โดยเฉพาะคนในครอบครัว ตัวนักกีฬาแข่งรถก็สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายที่เป็นความฝันจนกลายเป็นความจริงได้ต่อไปในอนาคต เพราะสนามแข่งรถยนต์นั้นมีหลายระดับ ทั้งระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลก นักแข่งแทบทุกคนย่อมมีความฝันอันสูงสุดอยู่ที่สนามแข่งระดับโลก เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งในบทพิสูจน์ความสามารถในการแข่งขัน ความมุ่งมั่นได้ก้าวสู่เส้นชัยที่เรียกว่าเป้าหมายอย่างแท้จริง

Credit : https://cdn.pixabay.com/photo/2018/05/20/10/13/racing-3415413_960_720.jpg

รถแข่งกับแอโรไดนามิกส์ วิศวกรรมที่จำเป็นสำหรับนวัตกรรมใหม่

โลกการแข่งขันกีฬาแข่งรถยนต์ทุกชนิด รวมถึงฟอร์มูล่า 1 ด้วยนั้น พลศาสตร์ของไหลหรือหลักแอโรไดนามิกส์เป็นศาสตร์ที่วิศวกรใช้สนามแข่งรถเป็นที่ทดสอบขีดจำกัดของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นที่ที่วิศวกรแหกกรอบความคิดเกี่ยวกับหลักการทางวิศวกรรมเพื่อเป้าหมายในการออกแบบรถที่ดีที่สุด ไปชิงชัยในสนามแข่งขัน หากติดปีกให้รถแข่งได้คงทำให้รถเร็วขึ้นอีกมากเลยทีเดียว หลักการนี้อาจเป็นเรื่องซับซ้อนสักหน่อย แต่อยากให้รู้หลักการพื้นฐานบางอย่างไว้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาลักษณะของรถแข่งว่าทำไมจึงต้องมีการออกแบบให้เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะรถฟอร์มูล่า 1 ที่อาศัยหลักแอโรไดนามิกส์ค่อนข้างมากทีเดียว

หลักแอโรไดนามิกส์คืออะไร สำคัญกับการออกแบบรถแข่งขนาดนั้นเชียวหรือ?

หลักแอโรไดนามิกส์หรือพลศาสตร์ของไหลเป็นสาขาหนึ่งของวิชากลศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนที่ของอากาศ ก๊าซต่าง ๆ รวมถึงของเหลวด้วย เรียกรวม ๆ กันว่าของไหล อธิบายและคาดการณ์ผลกระทบต่อวัตถุต่าง ๆ ที่เคลื่อนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของของไหลนั้น แน่นอนว่ารถแข่งที่วิ่งด้วยความเร็วสูงผ่านอากาศก็เป็นส่วนหนึ่งของหลักการนี้เช่นกัน ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองจินตนาการดูว่าเรานั่งในรถที่กำลังขับไปตามถนน จากนั้นยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง เราจะรู้สึกได้ถึงแรงผลักของอากาศที่กระทำกับมือของเรา ไม่เฉพาะมือแต่ทุกวัตถุที่เคลื่อนที่ผ่านอากาศจะได้รับผลของแรงนี้ทั้งสิ้น ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งมีแรงผลักจากอากาศมาก เราเรียกแรงนี้ว่า แรงต้านอากาศ ที่น่าสนใจคือเมื่อวัตถุเช่น รถฟอร์มูล่า 1 ยิ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากเท่าใด แรงต้านอากาศก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ลองจินตนาการเวลาเราเดินในน้ำกับวิ่งในน้ำ ตอนวิ่งจะรู้สึกว่าหนืดกว่าตอนเดิน เพราะอย่างนี้เลยเป็นเรื่องท้าทายของเหล่าบรรดาวิศวกรทั้งหลายที่จะคิดวิธีเอาชนะผลจากแรงต้านอากาศนี้ให้ได้

ยังมีอีกแรงหนึ่งที่เกิดจากการเคลื่อนที่ผ่านอากาศก็คือแรงกด เมื่อรถเคลื่อนที่ผ่านอากาศจะเกิดแรงกดบนตัวรถทำให้รถแข่งเกาะติดถนนไม่เหินเมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ๆ ดังนั้นเมื่อมีทั้งแรงต้านอากาศ และแรงกดเช่นนี้หน้าที่วิศวกรคือออกแบบให้แรงกดมีมากกว่าแรงต้านอากาศเพื่อให้รถแข่งสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูง ๆ ได้นั่นเอง

ตัวรถฟอร์มูล่า 1 ออกแบบอย่างไรให้เป็นไปตามหลักแอโรไดนามิกส์               

การออกแบบให้ตัวรถแข่งสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูง จะทำให้ลักษณะของตัวถังรถมีความโค้งไม่เท่ากันเพื่อให้อากาศที่ไหลผ่านตัวรถมีความเร็วด้านบนกับด้านล่างไม่เท่ากัน ด้านบนจะมีความโค้งน้อยกว่าทำให้มีความเร็วผ่านเร็วกว่าด้านล่างซึ่งโค้งมากกว่าผลก็คือเกิดแรงกดกับตัวรถด้านบนทำให้รถยึดเกาะถนนได้ดี ส่วนที่ออกแบบคือแผ่นที่กั้นระหว่างพื้นถนนกับยางที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลัง ตัวถังที่เจาะช่องให้อากาศไหลผ่านตัวรถส่วนบนกับล่างที่มีความโค้งไม่เท่ากัน เมื่อรถถูกแรงกดให้แนบพื้นการเข้าโค้งรถจะไม่ไถลออกนอกโค้ง เวลาในการขับจะลดลงได้ นี่แหละคือความลับของหลักแอโรไดนามิกส์